ฉันก็เป็นคนหนึ่ง ที่อยากได้ทุนเรียนปริญญาโท ก็เสิร์ทๆๆ หาไปเรื่อยๆ คลำๆหาลู่ทางไปได้ระยะหนึ่ง ก็มาเริ่มจาก
1. ดูว่า ป.โท เราอยากเรียนเกี่ยวกับไร มีสาขาไหนตรงกับสิ่งที่เราอยากเรียนบ้าง
2. อยากไปเรียนที่ไหน จีน ญี่ปุ่น เกาหลี อเมริกา อังกฤษ ฯลฯ
- อย่างเรา เราจบป.ตรี เกี่ยวกับ ภาษาจีนธุรกิจ แต่ไปๆมาๆชอบการสอนมากกว่า เลยเลือกเรียนป.โท ที่จีน เกี่ยวกับด้านการสอนจีน ตอนแรก ก็จะเสิร์ทหาว่า สาขาด้านการสอนมีไรบ้าง ความหมายของสาขานี้ เรียนอะไร อย่างไง ยากมากมั้ย วิชาที่เรียนเราไหวมั้ย ฉันเลือกเรียนสาขา Linguistics and Applied Linguistics 语言学及应用语言学
1. ดูว่า ป.โท เราอยากเรียนเกี่ยวกับไร มีสาขาไหนตรงกับสิ่งที่เราอยากเรียนบ้าง
2. อยากไปเรียนที่ไหน จีน ญี่ปุ่น เกาหลี อเมริกา อังกฤษ ฯลฯ
- อย่างเรา เราจบป.ตรี เกี่ยวกับ ภาษาจีนธุรกิจ แต่ไปๆมาๆชอบการสอนมากกว่า เลยเลือกเรียนป.โท ที่จีน เกี่ยวกับด้านการสอนจีน ตอนแรก ก็จะเสิร์ทหาว่า สาขาด้านการสอนมีไรบ้าง ความหมายของสาขานี้ เรียนอะไร อย่างไง ยากมากมั้ย วิชาที่เรียนเราไหวมั้ย ฉันเลือกเรียนสาขา Linguistics and Applied Linguistics 语言学及应用语言学
***** แนะนำสาขาการสอน (เพิ่มเติม)
(1.) 汉语国际教育 คณะนี้จะเรียนง่ายกว่า สาขา 语言学及应用语言学 เพราะเน้นไปถึง วิธีการสอนโดยตรง (ตอนแรกก็จะเลือกนี้แหละ แต่หาไม่เจอในมอที่ฉันเลือก=_='') เพราะ คนต่างชาติส่วนใหญ่เลือกเรียนอิอิ
(2.) 语言学及应用语言学 คณะที่ฉันเรียน จะลงไปทางภาษาศาสตร์ มากกว่าเน้นการสอน แต่วิชานี้ก็เป็นการนำไปประยุกต์ใช้การสอนภาษาจีนให้กับชาวต่างชาติ จะคล้ายกับ 汉语国际教育 อยู่นะ
**** อธิบายเพิ่มเติม
คำว่า ภาษาศาสตร์ ก็คือเหมือนเน้นไปที่มาของภาษาว่า มีแหล่งกำเนิดจากไหน วัฒนธรรมความเป็นมาของภาษาจีน มาจากไหน ลงลึกพวก 古代文学、中国文化、现代文学 ความคิดของนักปราชญ์ นักกวีสมัยก่อน ที่ทำให้เกิดภาษาและตัวอักษร ก็จะยากนิดนึง
(3.) 汉语言文字学 จะเป็นวิชาที่มีการเพิ่มเติมเรื่องของ ภาษาจีนท้องถิ่นต่างๆ, อักษรภาษาจีนโบราณ, ประวัติศาสตร์ภาษาจีน
3. เมื่อเราได้สาขาที่เราอยากเรียนแล้ว คราวนี้ก็เจาะ มหาวิทยาลัย และเมืองที่เราอยากไป ที่สำคัญต้องดูด้วยว่า มหาวิทยาลัยนั้น เขาเข้าร่วมกับรัฐบาลจีนในการเปิดสมัครให้ทุนหรือไม่
4. เมื่อเรามีเป้าหมายประเทศที่จะไป ระดับที่จะไปเรียนต่อ สาขาที่อยากเรียนต่อแล้ว มาลุยกันเลย ในเรื่องของการเตรียมตัว ขั้นต้น
เอกสารที่ต้องเตรียมหลักๆ มีดังนี้
1. สำเนาพาสปอร์ต (Passport) ที่ยังไม่หมดอายุไม่ต่ำกว่า 6 เดือนขึ้นไป อันนี้เราแนะนำจากที่เห็นปัญหาจากหลายๆคนคือ ตอนยื่นเรื่อง พาสปอร์ตยังไม่หมดอายุ แต่รู้ว่าได้ทุน พอมาดูพาสปอร์ตปรากฎว่า 1-2 เดือนก็จะหมดอายุแล้ว ก่อนเดินทาง ซึ่งปัญหาเวลาไปยื่นเรื่องที่สถานกงสุล จะวุ่นวายนิดหน่อย เพราะต้องมีการต่อ เล่มบุ๊คเก่าและใหม่วุ่นวาย ทางที่ดี ถ้ารู้ว่า ใกล้หมดอายุ ทำใหม่เถอะคะ
3. เมื่อเราได้สาขาที่เราอยากเรียนแล้ว คราวนี้ก็เจาะ มหาวิทยาลัย และเมืองที่เราอยากไป ที่สำคัญต้องดูด้วยว่า มหาวิทยาลัยนั้น เขาเข้าร่วมกับรัฐบาลจีนในการเปิดสมัครให้ทุนหรือไม่
4. เมื่อเรามีเป้าหมายประเทศที่จะไป ระดับที่จะไปเรียนต่อ สาขาที่อยากเรียนต่อแล้ว มาลุยกันเลย ในเรื่องของการเตรียมตัว ขั้นต้น
ขั้นตอนการเตรียมตัวและเอกสารการขอทุนรัฐบาลจีน**** หมายเหตุ อันที่เราเขียนต่อจากนี้คือ เอกสารหลักๆๆนะ ที่เราต้องมีและส่งไป แต่ว่าต้องไปเจาะดูแต่ละมหาวิทยาลัยอีกทีนะ ว่าเขาต้องการอะไรเพิ่มหรือไม่ คือบางมอ เราอาจต้องเสียค่าสมัครด้วยนะคะ ^^
เอกสารที่ต้องเตรียมหลักๆ มีดังนี้
1. สำเนาพาสปอร์ต (Passport) ที่ยังไม่หมดอายุไม่ต่ำกว่า 6 เดือนขึ้นไป อันนี้เราแนะนำจากที่เห็นปัญหาจากหลายๆคนคือ ตอนยื่นเรื่อง พาสปอร์ตยังไม่หมดอายุ แต่รู้ว่าได้ทุน พอมาดูพาสปอร์ตปรากฎว่า 1-2 เดือนก็จะหมดอายุแล้ว ก่อนเดินทาง ซึ่งปัญหาเวลาไปยื่นเรื่องที่สถานกงสุล จะวุ่นวายนิดหน่อย เพราะต้องมีการต่อ เล่มบุ๊คเก่าและใหม่วุ่นวาย ทางที่ดี ถ้ารู้ว่า ใกล้หมดอายุ ทำใหม่เถอะคะ
ก่อนเราจะยื่น แบบอีกเดือนสองเดือนจะหมด เราตัดสินใจทำใหม่ เลยทำให้ไม่มีปัญหาเลย เวลาต้องไปยื่นเรื่องวีซ่า หรือเวลามายื่นเรื่องที่จีน
2. การเขียน study plan ว่าเป้าหมายเราคือไร มันมีตัวอย่างในกลุ่ม Thai CSC ให้ดูนะคะ
2. การเขียน study plan ว่าเป้าหมายเราคือไร มันมีตัวอย่างในกลุ่ม Thai CSC ให้ดูนะคะ
เข้าหัวข้อพวกไฟล์ คลังข้อมูลเลื่อนไปเรื่อยๆจะเจอตัวอย่าง study plan ที่หลากหลายมากคะ
**** หมายเหตุ กลุ่ม Thai CSC คือกลุ่มปิดที่อยู่ใน facebook ใครที่อยากขอทุนรัฐบาลจีน แนะนำให้แอดเข้าไปในกลุ่มได้เลยคะ จะมีคนที่มีอุดมการณ์เดียวกันกับเรา มาคอยแนะนำ แลกเปลี่ยน แชร์ข้อมูล ประสบการณ์ต่างๆไว้มากมาย
3. เรื่องจดหมาย letter นั้น เราต้องให้คนที่เป็นระดับศาสตราจารย์หรือรองศาสตร์จารย์เซ็นต์รับรอง ซึ่งตัวอย่างสามารถหาได้จากกลุ่ม Thai CSC เหมือนกัน
**** หมายเหตุ เราแนะนำว่าเวลาทำ letter นั้น อย่าลงวันเดือนปี เพราะจะทำให้ใช้ได้แค่ระยะสั้น แต่ถ้าไม่ลง เราสามารถใช้ยื่นได้เรื่อยๆคิๆๆ ^_^ อีกอย่างนึงคือ การทำ letter เราแนะนำทำให้เรียบร้อยไปเลย ในนั้นก็จะมีแนะนำตัวเรา ความประพฤติเราไรงี้ พอเขียนเสร็จ ก็เว้นช่องให้อาจารย์เซ็นต์ เพราะตอนแรกเราก็มัวเสียเวลาเหมือนกัน ว่าจะเอาไง แบบจะให้จารย์เขียนทั้งหมดเอง หรืออะไรอย่างไง แต่สุดท้ายหาข้อมูลเป็นเดือนเลย ไปเจออยู่กระทู้นึง เขาบอกเขียนไปเลย จะได้ได้ข้อมูลที่เราอยากให้เป็น และสะดวกกับอาจารย์ด้วย อิอิ
3. เรื่องจดหมาย letter นั้น เราต้องให้คนที่เป็นระดับศาสตราจารย์หรือรองศาสตร์จารย์เซ็นต์รับรอง ซึ่งตัวอย่างสามารถหาได้จากกลุ่ม Thai CSC เหมือนกัน
**** หมายเหตุ เราแนะนำว่าเวลาทำ letter นั้น อย่าลงวันเดือนปี เพราะจะทำให้ใช้ได้แค่ระยะสั้น แต่ถ้าไม่ลง เราสามารถใช้ยื่นได้เรื่อยๆคิๆๆ ^_^ อีกอย่างนึงคือ การทำ letter เราแนะนำทำให้เรียบร้อยไปเลย ในนั้นก็จะมีแนะนำตัวเรา ความประพฤติเราไรงี้ พอเขียนเสร็จ ก็เว้นช่องให้อาจารย์เซ็นต์ เพราะตอนแรกเราก็มัวเสียเวลาเหมือนกัน ว่าจะเอาไง แบบจะให้จารย์เขียนทั้งหมดเอง หรืออะไรอย่างไง แต่สุดท้ายหาข้อมูลเป็นเดือนเลย ไปเจออยู่กระทู้นึง เขาบอกเขียนไปเลย จะได้ได้ข้อมูลที่เราอยากให้เป็น และสะดวกกับอาจารย์ด้วย อิอิ
ปล. แต่อาจารย์หรือเหล่าซือบางคนที่ละเอียดมากๆ เขาก็จะเขียนให้เองนะ แต่ส่วนใหญ่
4. ตรวจสุขภาพ มันจะมีใบแบบฟอร์มการตรวจสุขภาพของจีน โดยตรง เราก็สามารถหาโหลดได้จากกลุ่ม Thai CSC เช่นกัน สิ่งที่เขาจะตรวจก็จะมี
4. ตรวจสุขภาพ มันจะมีใบแบบฟอร์มการตรวจสุขภาพของจีน โดยตรง เราก็สามารถหาโหลดได้จากกลุ่ม Thai CSC เช่นกัน สิ่งที่เขาจะตรวจก็จะมี
- ตรวจกรุ๊ปเลือด
- ตรวจ HIV เอดส์
- ตรวจคลื่นหัวใจ
- ตรวจไวรัสตับต่างๆ
- ตรวจภูมิคุ้มกัน
- ตรวจจิตวิทยา เช่นแบบ ถ้าไปอยู่โน่น แล้วจะhomesick มั้ยถ้าเป็นจะจัดการอย่างไง คือแบบตรวจเช็คสภาพจิตใจเรานั่นเอง ^^ ฯลฯ (อันนี้หลักๆน้า)
5. ผลสอบ HSK & HSKK
5. ผลสอบ HSK & HSKK
เกณฑ์ของผลสอบ HSK
ระดับ ป.ตรี ระดับ 4 ขึ้นไป
ระดับ ป.โท ระดับ 5 ขึ้นไป
ระดับ ป.เอก ระดับ 5 ขึ้นไป แต่ถ้า 6 จะดีมาก
เกณฑ์ของผลสอบ HSKK จะมี 3 ระดับ
ระดับ 1 พื้นฐาน
ระดับ 2 กลาง
ระดับ 3 สูง
ซึ่ง ป.โท จะใช้ผลสอบ HSKK ระดับ 2 คือ ระดับกลางขึ้นไป
**** ประสบการณ์โดยตรง
ตอนฉันสมัคร ฉันอ่านอย่างละเอียดมากเรื่องรายละเอียดเอกสารที่เราต้องยื่น ซึ่ง แต่ละมอไม่มีใครเขียนเลยว่าต้องเอาผลสอบ HSKK (口语)ซึ่งตอนปีแรกที่ยื่นฉันเกือบจะได้แล้ว แต่เหล่าซือส่งเมลล์มาว่า เธอไม่มีผลสอบ HSKK เหรอ เขาก็บอกเราเร่งสอบแล้วส่งมา สุดท้าย ปีแรกเราไม่ได้ ก็เพราะส่วนใหญ่ทางมอจีนเขาจะเลือกคนที่เอกสารในมือพร้อมและครบที่สุดก่อน
นี่เป็นประสบการณ์ที่ฉันอยากแชร์มากๆว่า
อย่ายื่นแต่ผล HSK ต้องยื่น HSKK ด้วย
ปล. บางมอจะเคร่งตรง hsk ระดับ 5 ต้องได้ 180 คะแนนขึ้นไป แต่ไม่ใช่ว่าคนได้ต่ำจะไม่มีสิทธิ์นะ เพราะฉันก็ได้แค่ผ่านครึ่งคือ 150 คะแนนขึ้นไป ก็มีสิทธิ์ยื่นได้จ้า ส่วนใหญ่เขาจะให้ความสำคัญกับตัว study plan มากกว่าเพราะเป็นตัวบอกเป้าหมายของเราทำไมถึงอยากมาเรียน^^
ประเด็น เวลาสมัครเว็บของ CSC จะมีให้เราเลือกกรอกว่า เราต้องการเรียนเสริม 1 ปีมั้ย เราก็ติ๊กไป บางคนก็จะได้นะ บางคนก็ไม่ได้ เราเลือกติ๊กไป แต่สุดท้ายได้ไม่ได้เรียนภาษาจีนเพิ่ม =_=''
6. อย่าลืมสมัครในเว็บของ csc ด้วยนะคะ http://laihua.csc.edu.cn/#/login และก็สมัครในเว็บมอที่เราเลือกด้วย เขาจะมีลิ้งค์มาให้ของแต่ละมอ ในหน้าเอกสารที่บอกรายละเอียดการขอทุน ซึ่งเว็บแต่ละมอ บางครั้งเขาจะให้เราสแกนเอกสารอัพโหลดลงด้วย พวก passport, ใบเกรด, ใบรับรองระดับการศึกษา, อื่นๆ (พวกรูปผลงานเรา, ใบเกียรติบัตรของเรา)
พอเสร็จจะมีให้เราปริ้นใบสมัคร ให้เราปริ้นออกมา ทั้งของ CSC และของมอ
ปล. กรณีอยากส่งหลายมอ
ปล. กรณีอยากส่งหลายมอ
ส่วนใหญ่จะส่งกันประมาณ 3 มอ โดยจะใช้เมลคนละอันสมัครเลย เพราะ แบบเขาเชื่อกันว่า มอเขาจะมองว่าเราอยากเรียนจึงเลือกมอเขามอเดียว
อีกอย่างนึงที่สำคัญที่เราเจอกับตัวเองในการสมัครทุนของจีน พยายามเลี่ยงเมลล์ที่เป็นของอเมริกา เช่น hotmail, gmail, outlook ค่อนข้างจะมีปัญหา เราตอนนั้นสมัครอยู่เป็น 20 กว่าเมลล์ โดยใช้ตระกูลพวกนี้ ปรากฏเข้าแทบตายเวลาจะสมัครเว็บมอจีน มีปัญหา จนคุยกับเหล่าซือ เหล่าซือบอก ให้ใช้สกุลอื่น คนจีนส่วนใหญ่จะใช้ qq, yahoo ก็ได้ เราใช้ yahoo ครั้งเดียว เข้าเว็บมอจีนได้เลย (กรณีนี้อาจจะไม่ได้มีปัญหากะทุกคนน้า เราแค่เสนอทางออกที่ดีให้^^ )
7. สำเนาใบรับรองจบ & ใบเกรด เป็นภาคภาษาอังกฤษหรือจีนก็ได้จ้า
8. อื่นๆ (อันนี้คือ ใครที่อยากใส่ข้อมูลตัวเองเพิ่ม คือ Present ตัวเองนั่นเอง ให้เขารู้จักเรามากขึ้น) เช่น
7. สำเนาใบรับรองจบ & ใบเกรด เป็นภาคภาษาอังกฤษหรือจีนก็ได้จ้า
8. อื่นๆ (อันนี้คือ ใครที่อยากใส่ข้อมูลตัวเองเพิ่ม คือ Present ตัวเองนั่นเอง ให้เขารู้จักเรามากขึ้น) เช่น
- ประวัติส่วนตัว แบบ Resume ก็ได้ ประวัติเรา ครอบครัว ผลงาน กิจกรรมต่างๆ งานอดิเรกที่เราทำ
- 我的作品照片 คือ พวกรูปกิจกรรมการทำงานของเรา ผลงานของเรา อาจจะบรรยายใต้ภาพไปด้วยก็ได้นะ บางคนก็จะแทรกเป็นเกียรติบัตร แต่ควรให้เขาแปลเป็นภาษาอังกฤษหรือจีนนะคะ กรณีเป็นเกียรติบัตร
- 我的文章 ใครมีผลงานเขียนบทความต่างๆก็แทรกลงไปได้น้า
สุดท้ายเอกสารทุกฉบับต้องลง "สำเนาถูกต้อง" ด้วยน้า ให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า
ตัวอย่าง
Certified true copy
Yada Sukjai
(MissYada Sukjai)
สุดท้ายจริงๆแล้ว การเรียงลำดับเอกสารอะไรมาก่อนหลัง ให้ดูตามใบรายละเอียดแต่ละมอนะคะ ว่าเขาต้องการให้เราเรียงอะไรขึ้นก่อนหลัง แล้วต้องการรูปอะไรกี่ใบ เช็คดูให้ดีอีกครั้งนะคะ อีกอย่างที่สำคัญเรื่องรูปตอนสมัครปีแรกเราก็ไม่รู้ว่าควรใช้พื้นหลังขาว ดังนั้น เวลาแปะรูปสมัครของทุนจีน ควรใช้รูปพื้นหลังสีขาวนะคะ
สู้ๆๆน้าค้า หวังว่า ข้อมูลของเราจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย แต่เราตั้งใจไว้ว่า ถ้าเราได้ เราก็จะมาแชร์ประสบการณ์ ตอนนี้เราได้แล้ว เราเลยอยากแชร์ให้คนที่อยากได้ทุนรุ่นต่อไป^_^
"ฝันให้ไกล ไปให้ถึง แล้ววันนึง ความสำเร็จ จะเป็นของเรา"
"จงกล้าที่จะก้าว จงลงมือที่จะทำ จงเอาชนะความฝัน ให้มันกลายเป็นจริง"
"ฝันให้ไกล ไปให้ถึง แล้ววันนึง ความสำเร็จ จะเป็นของเรา"
"จงกล้าที่จะก้าว จงลงมือที่จะทำ จงเอาชนะความฝัน ให้มันกลายเป็นจริง"
จาก คนที่มีความฝัน ^^